ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ (13 ก.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังสหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 3% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยดาวโจนส์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.1%
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,330.36 จุด เพิ่มขึ้น 469.41 จุด หรือ +2.49% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,223.49 จุด เพิ่มขึ้น 27.36 จุด หรือ +0.86% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,357.04 จุด พุ่งขึ้น 413.11 จุด หรือ +1.29%
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวลง 7.5% และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะลดลง 9.5% โดยการส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก และยิ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ส่วนยอดนำเข้าเดือนมิ.ย.ลดลง 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าในเดือนพ.ค.ที่ลดลง 4.5% และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4%
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.5% ในการประชุมวันนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งเป็นการตรึงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว ในขณะที่เงินเฟ้อมีการขยายตัวในระดับปานกลาง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ค.
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันพุธ (12 ก.ค.) โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.74% สู่ระดับสูงสุดในปีนี้ และดัชนี Nasdaq Composite บวก 1.15% โดยดัชนีทั้ง 2 ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 ด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.25%