ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 461.36 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด หรือ +0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,369.80 จุด เพิ่มขึ้น 36.79 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,141.03 จุด เพิ่มขึ้น 118.03 จุด หรือ +0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,440.21 จุด เพิ่มขึ้น 24.10 จุด หรือ +0.32%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนานที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 1.7% โดยหุ้นซอฟต์แคต ซึ่งให้บริการด้านไอที พุ่งขึ้น 5.3% หลังซิตี้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น "ซื้อ"
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 1.7% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้แรงหนุนจากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง
การชะลอตัวมากเกินคาดของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้หลังจากเดือนก.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนที่ลดลงได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นด้วย เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดแล้ว แม้ยังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนนี้ก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 237,000 รายในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 8 ก.ค. แต่ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงตึงตัว
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นสวอทช์ บริษัทผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่ง 6.9% หลังรายงานการขยายตัวที่สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก