ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร (18 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,951.93 จุด เพิ่มขึ้น 366.58 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,554.98 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด หรือ +0.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,353.64 จุด เพิ่มขึ้น 108.69 จุด หรือ +0.76%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ซึ่งทำสถิติยาวนานที่สุดในรอบกว่า 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 นอกจากนี้ ทั้งดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565
ตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารสหรัฐ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 88 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 84 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.533 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.505 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 1.24 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.15 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 1.346 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.308 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.42% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 6.45% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากร่วงลง 0.5% เช่นกันในเดือนพ.ค.
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.26% และ 1.12% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวลง 0.82% และ 0.78% ตามลำดับ
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นชาร์ลส์ ชวาบ (Charles Schwab) ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 12.57% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรไตรมาส 2/2566 ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.98% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 359.49 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มราคาค่าบริการสำหรับผู้ที่จะใช้งานฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระบบปฏิบัติการ Office ของไมโครซอฟท์ ซึ่งรวมถึง Word, Excel และ Teams
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. ส่วนในวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board