ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ทะลุแนว 35,000 โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,129.22 จุด บวก 177.29 จุด หรือ 0.51%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ และเทสลา ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาดวันนี้
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 78% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ ทำสถิติปรับตัวขึ้น 7 วันติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2564 ขานรับคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานปรับลดคาดการณ์โอกาสที่สหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเหลือเพียง 20% จากเดิมคาดการณ์ที่ 25%
"เหตุผลหลักที่ทำให้เราปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวคือข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่าเงินเฟ้อสามารถชะลอตัวลงสู่ระดับที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย" นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุ
นายแฮตซิอุซคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 2 ขณะที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% ในเดือนมิ.ย.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 2 หลังจากขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 1
นอกจากนี้ นายแฮตซิอุซคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในวัฏจักรปัจจุบัน