ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (19 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,061.21 จุด เพิ่มขึ้น 109.28 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,565.72 จุด เพิ่มขึ้น 10.74 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,358.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.03%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2562 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 78% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้วนั้น มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค พุ่งขึ้น 1.12% และ 1.02% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลง 0.52% และ 0.27% ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (S&P500 bank index) พุ่งขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันวันที่ 3 โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 0.97% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจวาณิชธนกิจของโกลด์แมน แซคส์ ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารรายใหญ่รายอื่น ๆ ที่ได้แสดงความเห็นไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค (KBW regional bank index) พุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันวันที่ 3 เช่นกัน หลังจากธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ซึ่งรวมถึงธนาคารซิติเซนต์ ไฟแนนเชียล, ธนาคารเอ็มแอนด์ที แบงก์ และธนาคารยูเอส แบงคอร์ป
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้
นอกจากนี้ นายแฮตซิอุซได้ปรับลดคาดการณ์โอกาสที่สหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเหลือเพียง 20% จากเดิมคาดการณ์ที่ 25% เนื่องจากคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่ระดับที่ยอมรับได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ลดช่วงบวกในระหว่างวัน โดยถูกกดดันจากราคาหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 1.23% หลังจากสื่อรายงานว่า บริษัทแอปเปิ้ลกำลังพัฒนาแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อท้าชนกับ ChatGPT ซึ่งเป็นแชตบอตที่ไมโครซอฟท์พัฒนาร่วมกับบริษัทโอเพนเอไอ นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้ฉุดราคาหุ้นอินวิเดีย และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 0.88% และ 1.4% ตามลำดับ
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์, เทสลา และไอบีเอ็ม ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากตลาดปิดทำการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.