ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มแบงก์ และกลุ่มเฮลท์แคร์ แม้หุ้นกลุ่มชิปถูกเทขายอย่างหนัก หลังจาก TSMC ซึ่งเป็นบริษัทชิปของไต้หวันเปิดเผยคาดการณ์ยอดขายที่ซบเซา
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 463.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,384.91 จุด เพิ่มขึ้น 57.97 จุด หรือ +0.79%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,204.22 จุด เพิ่มขึ้น 95.29 จุด หรือ +0.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,646.05 จุด เพิ่มขึ้น 57.85 จุด หรือ +0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 464.17 จุด โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และสัญญาณการชะลอตัวอย่างมากของเงินเฟ้อในอังกฤษ
กลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้นราว 1.6% ขณะที่กลุ่มธนาคารบวก 0.6%
ดาเนียลา ฮาธอร์น นักวิเคราะห์ตลาดระดับอาวุโสของแคปิตอล.คอมกล่าวว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลงมากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 2.5% หลังจากปรับตัวขึ้นเกือบ 23% แล้วในปีนี้
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อาทิ เอเอสเอ็มแอล, เอเอสเอ็ม อินเทอร์เนชันแนล และอิกซ์ตรอน ร่วง 2.7-5.6% หลัง TSMC คาดการณ์ยอดขายปีนี้ลดลง เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อความต้องการชิป
หุ้นรายตัวได้แรงหนุนจากการเปิดเผยและคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อาทิ หุ้นซาบ (Saab) พุ่งขึ้น 4.1% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย และหุ้นเทเลนอร์ พุ่ง 6.7% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 สูงกว่าคาด
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางในสัปดาห์หน้า โดยเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%