ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 20.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 104 จุด หรือ 0.29% สู่ระดับ 35,505 จุด
หากดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันนี้ในแดนบวก ก็จะเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.2560 โดยปีดังกล่าวเป็นปีที่ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นถึง 25.08%
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก The Stock Trader?s Almanac ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ เดือนก.ค.เป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวดีที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปี
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.29% ในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.10%
ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.76% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 2.89% ซึ่งเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552
นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ไม่เคยปรับตัวลงในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2557
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 73% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า