ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับการรายงานผลประกอบการรอบใหม่ของบริษัทจดทะเบียน และจับตาการเลือกตั้งของสเปนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 465.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,432.77 จุด เพิ่มขึ้น 47.86 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,177.22 จุด ลดลง 27.00 จุด หรือ -0.17% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,663.73 จุด เพิ่มขึ้น 17.68 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี STOXX 600 ปิดบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันและปรับตัวขึ้น 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้ แม้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลง 0.4% และกลุ่มเหมืองแร่ ลดลง 1.5% หลังบริษัทในกลุ่มดังกล่าวรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังก็ตาม
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากหุ้นอังกฤษ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง โดยดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 3% ในสัปดาห์นี้ซึ่งมากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์หน้าเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก
ดอยซ์แบงก์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75% ในวันที่ 27 ก.ค.นี้
อเล็กซ์ รูดอล์ฟ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของบริษัทไอจีระบุว่า ตลาดจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์หน้า รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ อาทิ ดัชนี PMI, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, จีดีพี และเงินเฟ้อ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความผันผวนให้กับตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเลือกตั้งทั่วไปของสเปนในวันอาทิตย์นี้ (23 ก.ค.) ซึ่งอาจยุติการดำรงตำแหน่งระยะ 4 ปีของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย และทำให้อำนาจในการบริหารประเทศตกเป็นของพรรคฝ่ายขวาในสเปนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของยุโรป