ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (26 ก.ค.) โดยได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ไม่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมติอัตราดอกเบี้ยหลังตลาดยุโรปปิดทำการ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 465.46 จุด ลดลง 2.46 จุด หรือ -0.53%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,315.07 จุด ลดลง 100.38 จุด หรือ -1.35%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,131.46 จุด ลดลง 80.13 จุด หรือ -0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,676.89 จุด ลดลง 14.91 จุด หรือ -0.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังบวกต่อเนื่องนาน 6 วันซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
หุ้นแอลวีเอ็มเอช ร่วง 5.2% หลังเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้นตามคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า กลุ่มบริษัทสินค้าหรูหราอาจจะมีการขยายตัวที่ไม่มากนัก
หุ้นเคอริง, แอร์เมส และคริสเตียน ดิออร์ ร่วง 1.8%, 2.4% และ 4.0% ตามลำดับ
ริฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี STOXX 600 จะหดตัวลง 8.1% ในไตรมาส 2/2566
บรรดานักลงทุนชะลอการซื้อขายขณะรอผลการประชุมเฟดซึ่งเปิดเผยหลังปิดตลาดยุโรป
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.5-3.75% ในวันพฤหัสบดีนี้
ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทไมโครซอฟท์ของสหรัฐที่บ่งชี้ว่า การใช้จ่ายเพื่อแข่งขันอย่างดุเดือดของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เพื่อชิงความเป็นผู้นำในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น กำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน