ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2566 ที่สูงกว่าคาดการณ์
ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,594.81 จุด บวก 74.69 จุด หรือ 0.21%
หากปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์จะทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 14 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นยาวนานที่สุดในรอบ 126 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2440
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0% และสูงกว่าตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 1 ซึ่งมีการขยายตัว 2.0%
นอกจากนี้ นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังรายงานดังกล่าวระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.6% ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.2% และชะลอตัวจากระดับ 4.1% ในไตรมาส 1
ขณะเดียวกัน ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์, คอมแคสต์ คอร์ป และแมคโดนัลด์ คอร์ป
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 81% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 3,750 ราย สู่ระดับ 233,750 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 59,000 ราย สู่ระดับ 1.69 ล้านราย