ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยข้อมูลรายการหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ประเมินทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐ
ณ เวลา 18.23 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 81 จุด หรือ 0.23% สู่ระดับ 35,512 จุด
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยดัชนีดังกล่าวสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ด้วย โดยหุ้นอินเทลปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.86% ขานรับการที่บริษัทกลับมาทำกำไรอีกครั้ง ขณะที่หุ้นโรคุทะยานขึ้นกว่า 9%
อย่างไรก็ดี หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวลดลง 0.36% แม้ทำผลงานได้เหนือคาดการณ์ เนื่องจากบริษัทเปิดเผยว่า แผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าใช้เวลานานกว่าที่คาด เพราะต้นทุนสูง
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ปิดลบในวันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น หลังจากมีรายงานข่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง หลังจากบวกขึ้นต่อเนื่องหลายวันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530
นอกจากนี้ การซื้อขายยังได้รับอิทธิพลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และขณะนี้บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 20% ที่เฟดอาจจะสร้างความประหลาดใจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนก.ย.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวเมื่อวันพุธว่า เจ้าหน้าที่เฟดไม่ได้คาดการณ์อีกต่อไปว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ก็ไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยกล่าวว่าเฟดจะดำเนินการตามข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเร็วกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 2.4% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 1.8%
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนบางรายคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนก.ย.