ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (28 ก.ค.) รวมถึงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดบวกในรอบสัปดาห์นี้ด้วย หลังจากที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่, การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ และการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้ง (Soft Landing)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,459.29 จุด เพิ่มขึ้น 176.57 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,582.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.82 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,316.66 จุด เพิ่มขึ้น 266.55 จุด หรือ +1.90%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.66%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.01% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.02% โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2565
ข้อมูลที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีของสหรัฐชะลอลงอย่างมากในเดือนมิ.ย. ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 3.8% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 4.6% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ชะลอตัวลงจากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า เฟดไม่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และไม่ปฏิเสธที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต
ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) บ่งชี้ว่า บริษัทมากกว่าครึ่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว ณ วันศุกร์ โดย 78.7% รายงานผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
บาร์เคลย์สเปิดเผยว่า นักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นในสัปดาห์นี้ โดยมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ 1 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นส่วนใหญ่ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มบริการด้านการสื่อสารซึ่งเพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หลังจากการประกาศผลประกอบการในช่วงต้นสัปดาห์นี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐลดลงจากระดับ 4% ที่เข้าทดสอบในวันพฤหัสบดี ซึ่งได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเติบโตขนาดใหญ่ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างมาก
หุ้นอินวิเดียและหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.85% และ 1.60% ตามลำดับ
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 6.60% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่บ่งชี้ว่าตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ฟื้นตัวขึ้น และหุ้นพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล พุ่ง 2.83% หลังเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้