ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ (28 ก.ค.) โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายปี หลังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แตกต่างกันไป และจากการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 470.78 จุด ลดลง 0.96 จุด หรือ -0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,476.47 จุด เพิ่มขึ้น 11.23 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,469.75 จุด เพิ่มขึ้น 63.72 จุด หรือ +0.39% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,694.27 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด หรือ +0.02%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงจากระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่มีแนวโน้มยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
แต่ดัชนี STOXX 600 ยังคงปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขานรับความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 3.6% และ 3.4% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับนโยบายควบคุมเส้นผลตอบแทนพันธบัตรให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่า BOJ จะยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในที่สุด
แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง
หุ้นซาโนฟี ลดลง 2.9% หลังเผยยอดขายรายไตรมาสต่ำกว่าคาด และหุ้นแคปเจมิไน ร่วง 7% หลังเปิดเผยการขยายตัวในไตรมาส 2 ชะลอตัวลงเกินคาด