ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือนก.ค.
ณ เวลา 23.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,449.24 จุด ลบ 10.05 จุด หรือ 0.03%
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 3.2% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq พุ่งขึ้น 3% และ 3.8% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนีทั้ง 3 ทำสถิติที่น่าสนใจในเดือนก.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 13 วัน ทำสถิติช่วงขาขึ้นยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทำสถิติปรับตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกันในเดือนส.ค.2564 ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เช่นกัน
สถิติบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก The Stock Trader?s Almanac ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวดีที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปี
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.29% ในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.10%
ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.76% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 2.89% ซึ่งเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552
นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ไม่เคยปรับตัวลงในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2557
ตลาดได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการชะลอตัวของดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)
นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า 78% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนก.ค.