ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (1 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตหดตัวลงในยูโรโซน, จีน และสหรัฐ ซึ่งตอกย้ำถึงความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 467.16 จุด ลดลง 4.19 จุด หรือ -0.89%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,406.08 จุด ลดลง 91.70 จุด หรือ -1.22%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,240.4 จุด ลดลง 206.43 จุด หรือ -1.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,666.27 จุด ลดลง 33.14 จุด หรือ -0.43%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในรอบเกือบ 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์, บริการด้านการเงิน และเหมืองแร่ นำตลาดปรับตัวลง โดยร่วงลงราว 1.3-1.6%
ตลาดถูกกดดัน หลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตในยูโรโซนหดตัวลงในเดือนก.ค.ในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 เนื่องจากอุปสงค์ลดลง แม้โรงงานต่าง ๆ ปรับลดราคาสินค้าลงอย่างมากก็ตาม
กิจกรรมการผลิตหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ในเยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป รองลงมาได้แก่ฝรั่งเศสและอิตาลี ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับสองและสามของยุโรป
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตในเอเชียหดตัวลงด้วยในเดือนก.ค.ซึ่งตอกย้ำผลกระทบของอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน ขณะที่กิจกรรมการผลิตในสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน
การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังถ่วงหุ้นรายตัวลงด้วย โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอชซึ่งพึ่งพารายได้จากจีน ร่วงลง 2.3%
หุ้นบีเอ็มดับบลิว ร่วง 5.4% หลังเปิดเผยผลกำไรลดลงต่ำกว่าคาด และหุ้นเมอร์ซีเดส เบนซ์ ร่วงลง 2.4%
หุ้นดีเอชแอล ร่วง 5.2% หลังรายงานรายได้และผลประกอบการรายไตรมาสลดลง เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าร่วงลง