ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยระบุว่าสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณที่สูงมากและมีระบบธรรมาภิบาลที่อ่อนแอลง ซึ่งส่งผลให้เผชิญกับปัญหาหนี้พุ่งชนเพดานหลายครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
หลังจากฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงทันทีกว่า 100 จุด ก่อนที่จะลดช่วงลบด้วยการปรับตัวลงราว 61 จุด หรือ -0.17% แตะระดับ 35,696 จุด ในเวลา 08.18 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
"ภาวะชะงักงันทางการเมืองส่งผลให้หนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่จะรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในด้านการบริหารการคลัง"
"ในมุมมองของฟิทช์นั้น ระบบธรรมาภิบาลของสหรัฐถดถอยลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงปัญหาการคลังและหนี้สิน แม้ว่าในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้ตกลงระงับเพดานหนี้ไปจนถึงเดือนม.ค. 2568 ก็ตาม" ฟิทช์ระบุ
แถลงการณ์ของฟิทช์ยังระบุด้วยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2566 จากระดับ 3.7% ในปี 2565
นอกจากนี้ ฟิทช์ยังระบุถึงภาวะสินเชื่อตึงตัว ประกอบกับการลงทุนในภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง และการชะลอตัวของการอุปโภคบริโภค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย "เล็กน้อย" ในช่วงไตรมาส 4/2566 และในไตรมาส 1 ปีหน้า