ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (2 ส.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยนักลงทุนเทขายหุ้น หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 460.84 จุด ลดลง 6.32 จุด หรือ -1.35% โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. และปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,312.84 จุด ลดลง 93.24 จุด หรือ -1.26%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,020.02 จุด ลดลง 220.38 จุด หรือ -1.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,561.63 จุด ลดลง 104.64 จุด หรือ -1.36%
เมื่อวันอังคาร (1 ส.ค.) ฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA โดยระบุถึงแนวโน้มสถานะการคลังของสหรัฐที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า และภาระหนี้สินที่พุ่งขึ้น
การปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลง ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
ดัชนีความผันผวนของ EURO STOXX พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุน
ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่ซบเซาจากประเทศต่าง ๆ
หุ้นเกือบทุกกลุ่มของดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งร่วงลง 2.6% และ 2.7% ตามลำดับ
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนถ่วงหุ้นรายตัวลงด้วย โดยหุ้นซีเมนส์ เฮลธิเนียร์ บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของสหรัฐ-เยอรมนี ร่วงลง 5.6% หลังเปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสลดลงเกินคาด