ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ (3 ส.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อวันพุธ (2 ส.ค.) หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,506.11 จุด ลดลง 11.27 จุด หรือ -0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,255.88 จุด ลดลง 5.81 จุด หรือ 0.18% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,244.08 จุด ร่วงลง 463.61 จุด หรือ -1.42%
ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (3 ส.ค.) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 54.1 จากระดับ 53.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 52.5
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังมีการขยายตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้าลดลงเล็กน้อยในเดือนมิ.ย. หลังจากยอดส่งออกและยอดนำเข้าปรับตัวลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอลง
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเกินดุลการค้า 1.1321 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.125 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 1.1791 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนพ.ค.
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในวันพุธ โดยดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 2.17% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่ดัชนี S&P500 ลบ 1.38% และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 0.98%