ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นกดดันราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,612.59 จุด เพิ่มขึ้น 191.72 จุด หรือ +0.99% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,295.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,130.94 จุด ลดลง 28.34 จุด หรือ -0.09%
ตลาดหุ้นจีนได้แรงหนุนหลังไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 54.1 จากระดับ 53.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 52.5
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังมีการขยายตัว
นายโทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัท IG ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ 4.30% ทำให้เคลื่อนตัวใกล้ระดับสูงสุดของเดือนต.ค. 2565 ที่ 4.42%
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจออสเตรเลียสำหรับปี 2566 แต่ระบุว่า เงินเฟ้อเคลื่อนไหวในทิศทางที่เหมาะสม โดยดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวลงเล็กน้อย
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) โดยดัชนี S&P500 ลดลง 0.25% ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 0.19% และดัชนี Nasdaq Composite ขยับลง 0.1%