ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (9 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากมีรายงานว่าชาวอเมริกันเป็นหนี้บัตรเครดิตสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,123.36 จุด ลดลง 191.13 จุด หรือ -0.54%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,467.71 จุด ลดลง 31.67 จุด หรือ -0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,722.02 จุด ลดลง 162.31 จุด หรือ -1.17%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า หนี้บัตรเครดิตของชาวอเมริกันในไตรมาส 2/2566 พุ่งขึ้น 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะระดับ 1.03 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่หนี้บัตรเครดิตของชาวอเมริกันพุ่งทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
จีนา โบลวิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Bolvin Wealth Management Group แสดงความเห็นว่า "ผู้บริโภคถือเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ หากผู้บริโภคประสบปัญหาด้านการเงินและหยุดการใช้จ่าย สถานการณ์ดังกล่าวก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย"
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.
ส่วนเมื่อวานนี้ ทางการจีนเปิดเผยดัชนี CPI ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 และเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเงินฝืด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 4.72% หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 0.90% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.17% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.32%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.69% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 1.71%
หุ้นเพนน์ เอนเตอร์เทนเมนท์ (Penn Entertainment) ซึ่งเป็นบริษัทกาสิโน พุ่งขึ้น 9.1% หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ร่วมกัน ESPN ซึ่งเป็นธุรกิจของวอลท์ ดิสนีย์ เพื่อเปิดตัวธุรกิจพนันด้านกีฬา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 3.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า 78.6% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้