ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทำให้มีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ที่จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรายังได้แรงหนุนจากการที่จีนผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 464.23 จุด เพิ่มขึ้น 3.65 จุด หรือ +0.79%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,433.62 จุด เพิ่มขึ้น 111.58 จุด หรือ +1.52%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,996.52 จุด เพิ่มขึ้น 143.94 จุด หรือ +0.91% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,618.60 จุด เพิ่มขึ้น 31.30 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ค. เนื่องจากราคาสินค้ารวมถึงรถยนต์มือสองปรับตัวลง โดยดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 3.3%
ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนความหวังที่ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐกำลังปรับตัวลง ซึ่งอาจเปิดทางให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน ปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจีนยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์ไปยังประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนภาคการท่องเที่ยว
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราซึ่งพึ่งพารายได้อย่างมากจากจีนนั้น ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน
หุ้นแอลวีเอ็มเอชของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.4%
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ปรับตัวขึ้น 1.5%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันของเยอรมนี พุ่ง 4.9% หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่ดีเกินคาด