ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (11 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอาจยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ขณะที่หุ้นยูบีเอสพุ่งขึ้นหลังยกเลิกข้อตกลงการค้ำประกันของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์สำหรับการเทกโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิส
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 459.17 จุด ลดลง 5.06 จุด หรือ -1.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,340.19 จุด ลดลง 93.43 จุด หรือ -1.26%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,832.17 จุด ลดลง 164.35 จุด หรือ -1.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,524.16 จุด ลดลง 94.44 จุด หรือ -1.24%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนำตลาดร่วงลง โดยปรับตัวลงราว 2.1%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามกัน โดยตลาดหุ้นอังกฤษร่วงลงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจขยายตัวเกินคาดในไตรมาส 2 นั้นทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ตลาดหุ้นยุโรปติดลบตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงด้วย หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาดในเดือนก.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยุโรปยังคงปรับตัวขึ้น ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แม้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกก็ตาม
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนได้ถูกบดบังโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปในช่วงต้นสัปดาห์นี้ หลังรัฐบาลอิตาลีประกาศเก็บภาษีลาภลอย (wingfall tax) จากธนาคารพาณิชย์
หุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลง 1.7% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากราคาโลหะถูกกดดันหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากจีนซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่ของโลก
หุ้นยูบีเอสพุ่งขึ้น 4.7% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยว่า ธนาคารยกเลิกข้อตกลงการรับประกันจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในการเข้าเทกโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิส
หุ้นสินค้าหรูหรา อาทิ แอลวีเอ็มเอชและริชมอนด์ ร่วงลง 1.7% และ 2.8% ตามลำดับ หลังพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี