ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก กลุ่มค้าปลีก-เฮลท์แคร์หนุนตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (14 ส.ค.) โดยดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของจีน

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 459.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.69 จุด หรือ +0.15%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,348.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.65 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,904.25 จุด เพิ่มขึ้น 72.08 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.15 จุด ลดลง 17.01 จุด หรือ -0.23%

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงมากกว่า 1% ในวันศุกร์ โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ บวก 0.3% หลังหุ้นฟิลิปส์ พุ่ง 4.4% หลังบริษัทเอ็กซอร์ เอ็นวี เข้าถือหุ้น 15% ในบริษัท แต่หุ้นเอ็กซอร์ลดลง 0.3%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.8% หลังหุ้นบีแอนด์เอ็ม ยูโรเปียน รีเทล ปรับตัวขึ้น 3% หลังดอยซ์ แบงก์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน หลังแนวโน้มอุปสงค์จากจีนซบเซา เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหาหนี้สิน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทคันทรี การ์เดน กำลังดำเนินการเพื่อขอชะลอการชำระหนี้หุ้นกู้เป็นครั้งแรก หลังจากระงับการซื้อขายหุ้นกู้ในประเทศ 11 ชุด

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปิดลบ 1.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 เดือน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปิดลดลง 0.8%

หุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพารายได้จากจีน อาทิ กลุ่มสินค้าหรูหรา ปรับตัวลง 0.1% หุ้นพรูเดนเชียล, เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 0.5-0.7%

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่เข้าทดสอบในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในจีนและการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกดดันราคาหุ้น

ประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากเรือรบรัสเซียยิงปืนเตือนเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งในทะเลดำในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยูเครนประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวและเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศใช้มาตรการตอบโต้ขั้นเด็ดขาด

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขประมาณการ GDP ขั้นต้นไตรมาส 2 ของยูโรโซน, อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน และดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษ