ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเหนือความคาดหมายในวันนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอย
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,169.19 จุด ลดลง 9.24 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,622.55 จุด ลดลง 151.00 จุด หรือ -0.80% ส่วนดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,315.61 จุด เพิ่มขึ้น 255.70 จุด หรือ +0.80%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นเพียง 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 4.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจปรับตัวขึ้น 4.4%
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 2.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 3.1% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.5% แม้ว่าเดือนก.ค.เป็นฤดูการท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนของจีนก็ตาม
ส่วนอัตราว่างงานเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 5.3% จากระดับ 5.2% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเดือนก.ค.ลดลง 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเป็นการปรับตัวลงรุนแรงกว่าในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.15% สู่ระดับ 2.50% ในวันนี้ ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้ที่ระดับ 2.65%
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายของธนาคารกลางจีนยังสะท้อนให้เห็นว่า จีนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากบริษัทคันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนเผชิญวิกฤตหนี้สินและยอดขายบ้านที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง