ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (15 ส.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยถูกกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า ค่าจ้างพื้นฐานขยายตัวในอัตราที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,389.64 จุด ลดลง 117.51 จุด หรือ -1.57%
หุ้นที่มีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ อาทิ แอสตร้าเซนเนก้า และเกล็นคอร์ ร่วงลง ขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.4%
อัตราการขยายตัวของค่าจ้างพื้นฐานในอังกฤษแตะระดับสูงใหม่เป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพิ่มความวิตกให้กับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะยาว หลัง BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง
BoE จะประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในเดือนก.ย. ซึ่งบรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 88% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม ร่วงลง 2.4% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 เนื่องจากราคาโลหะพื้นฐานร่วงลง โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลงจากจีนซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่
แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น 1.4% สวนทางตลาด โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 8.3% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มผลกำไร