ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 451.19 จุด ลดลง 4.10 จุด หรือ -0.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,191.74 จุด ลดลง 68.51 จุด หรือ -0.94%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,676.90 จุด ลดลง 112.55 จุด หรือ -0.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,310.21 จุด ลดลง 46.67 จุด หรือ -0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากสัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอลงในจีน และแนวโน้มผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
ตลาดปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือนในการซื้อขายระหว่างวัน โดยถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นในยูโรโซน หลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดร่วงลง โดยร่วง 2.8% โดยหุ้นแอดเยน เอ็นวี ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการชำระเงินของเนเธอร์แลนด์ ร่วง 39% หลังเปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกต่ำกว่าคาด
รีฟินิทิฟ (Refinitiv) เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันอังคารคาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปจะลดลง 4.6% จากปี 2565
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มก่อสร้างและวัสดุ รวมถึงกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ปรับตัวลงด้วย
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ร่วงลง 1.9% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช และหุ้นแอร์เมส อินเทอร์เนชันแนล ซึ่งพึ่งพาตลาดจีนนั้น ร่วงลงกว่า 2% ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ซบเซาจากจีน