ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (18 ส.ค.) โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มปลอดภัยได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การแถลงสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,500.66 จุด เพิ่มขึ้น 25.83 จุด หรือ +0.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.71 จุด ลดลง 0.65 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,290.78 จุด ลดลง 26.16 จุด หรือ -0.20%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.2%, ดัชนี S&P500 ลดลง 2.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.6% โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ลดลง 7.2% แล้วในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 3 สัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 4.6% ในรอบ 3 สัปดาห์ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่รอบ 3 สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนหมดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และได้ดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น
ดัชนีความผันผวน (CBOE volatility index) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน
เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสเกือบ 91% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันในการประชุมเดือนก.ย.
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างเบาบาง โดยอยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านหุ้น เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ยในรอบ 20 วันที่ผ่านมาที่ 1.10 หมื่นล้านหุ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.9% และหุ้นเทสลา ร่วง 1.7% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะยังคงปรับตัวขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
ขณะที่แทบไม่มีปัจจัยสำคัญเข้ามาขับเคลื่อนตลาดนั้น จุดสนใจของนักลงทุนได้มุ่งไปที่การกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวลในการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันศุกร์หน้า (25 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทอินวิเดียซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชิปในวันพุธหน้า (23 ส.ค.)
หุ้นอินวิเดียลบ 0.1% แต่ยังคงปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ และปรับตัวขึ้นเกือบ 3 เท่าในปีนี้โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ และการปรับตัวขึ้นของหุ้นต่าง ๆ อาทิ หุ้นวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก ได้ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ด้วย
ดัชนี S&P500 กลุ่มพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.9% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นฮาวาย อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 14% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ไม่มีเป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างบริษัท
แต่หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ร่วงลง 3.3% หลังคาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิประจำปีต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่หุ้นคอยน์เบส โกลบอล ร่วงลง 3% และหุ้นไรออต แพลตฟอร์ม ร่วงเกือบ 5.5% ขณะที่บิตคอยน์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน