ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (18 ส.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในจีน และยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,262.43 จุด ลดลง 47.78 จุด หรือ -0.65% และร่วงลง 3.5% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน
ตลาดปรับตัวลงหลังจากผู้ค้าปลีกของอังกฤษรายงานยอดขายเดือนก.ค.ลดลงมากเกินคาด เนื่องจากภาวะฝนตกหนักส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากภาวะเงินเฟ้อสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 14 ครั้งติดต่อกัน
ข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.2% ในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจลดลง 0.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง 1.3% และกลุ่มสินค้าส่วนบุคคล ร่วงลง 1.4%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากการเปิดเผยข้อมูลซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่แข็งแกร่ง โดยได้ตอกย้ำความวิตกที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม ร่วงลง 1.5% จากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน
บรรดานักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน หลังจากไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนยื่นขอล้มละลายต่อศาลในสหรัฐ