ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ (25 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายได้รับผลกระทบ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 451.39 จุด ลดลง 0.18 จุด หรือ -0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,229.60 จุด เพิ่มขึ้น 15.14 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,631.82 จุด เพิ่มขึ้น 10.33 จุด หรือ +0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,338.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.95 จุด หรือ +0.07%
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังปรับตัวขึ้นมากถึง 0.7% ในระหว่างวัน แต่ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบ 4 สัปดาห์โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มผลิตชิปและการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
นายพาวเวลกล่าวในวันศุกร์ว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยสัญญาอัตราดอกเบี้ยบ่งชี้ว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค.
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซน หลังนายพาวเวลแถลงสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลนั้น กดดันตลาดหุ้นยุโรปด้วย
หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดลดลง โดยปรับตัวลง 0.7% และ 0.6% ตามลำดับ
ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนีที่ชะงักงันในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีลดลงอีกในเดือนส.ค.เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวแข็งแกร่ง
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่กลุ่มค้าปลีกปรับตัวย่ำแย่ที่สุด