ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (28 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอุตสาหกรรมที่ทำธุรกิจกับจีน หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการเพื่อช่วยหนุนตลาดหุ้นที่ย่ำแย่
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 455.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.89%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,324.71 จุด เพิ่มขึ้น 95.11 จุด หรือ +1.32% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,792.61 จุด เพิ่มขึ้น 160.79 จุด หรือ +1.03% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวานนี้ (28 ส.ค.) เนื่องในวันหยุดธนาคารในช่วงฤดูร้อน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งขึ้น 1.7% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ย้ำถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมที่แจ็กสัน โฮลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนปรับตัวขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำธุรกิจกับจีน ปรับตัวขึ้น 0.8% และ 1.3% ตามลำดับ หลังจากกระทรวงการคลังของจีนปรับลดภาษีอากรแสตมป์ในการซื้อขายหุ้นลงครึ่งหนึ่งเพื่อกระตุ้นตลาดทุน และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพารายได้จากจีน อาทิ แอลวีเอ็มเอช, เคอริง และแอร์เมส ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้นด้วย 0.6% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ของเดนมาร์กซึ่งพุ่งขึ้น 1.2%