ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (28 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น 3M และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,559.98 จุด เพิ่มขึ้น 213.08 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,433.31 จุด เพิ่มขึ้น 27.60 จุด หรือ +0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,705.13 จุด เพิ่มขึ้น 114.48 จุด หรือ +0.84%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนียังคงได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนปรับตัวรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนายพาวเวลกล่าวว่าเฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ แต่ในขณะเดียวกันเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง โดยจะทำการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลครั้งนี้แตกต่างจากการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีที่แล้ว ซึ่งเขากล่าวอย่างแข็งกร้าวว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฟดจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในเวลานั้น
หุ้น 3M พุ่งขึ้น 5.22% หลังจากมีรายงานว่า บริษัท 3M ได้ตกลงในเบื้องต้นว่าจะจ่ายเงินกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความจำนวนกว่า 300,000 คดีที่กล่าวหาว่า 3M ขายที่อุดหู (earplug) มีตำหนิให้กับกองทัพสหรัฐ ส่งผลให้ทหารสหรัฐมีความบกพร่องทางการได้ยิน โดยวงเงินของข้อตกลงดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า 3M อาจต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหายสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ บรรลุข้อตกลงขายธุรกิจบริหารการเงินส่วนบุคคล (Personal Financial Management - PFM) ให้กับครีเอทีฟ แพลนนิง (Creative Planning) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.22% หุ้นอัลฟาเบท ดีดขึ้น 0.87%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น โดยหุ้น JD.com หุ้นไป่ตู้ และหุ้นอาลีบาบา ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2% ขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศลดภาษีอากรสแตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นลงสู่ระดับ 0.05% จากระดับ 0.1% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดภาษีดังกล่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมทั้งจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้