ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทางในวันนี้ (31 ส.ค.) หลังจีนเปิดเผยกิจกรรมการผลิตหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนส.ค.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,517.23 จุด เพิ่มขึ้น 183.77 จุด หรือ +0.57% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,434.80 จุด ลดลง 48.06 จุด หรือ -0.26% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,120.39 จุด ลดลง 16.74 จุด หรือ -0.53%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจจะสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลจีนต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ข้อมูลของ NBS ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.7 จากระดับ 49.3 ในเดือนก.ค. แต่ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.4
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนลดลงสู่ระดับ 51.0 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว
ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (30 ส.ค.) โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,890.24 จุด เพิ่มขึ้น 37.57 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,514.87 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด หรือ +0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,019.31 จุด เพิ่มขึ้น 75.55 จุด หรือ +0.54%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2566 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% หลังจากมีการขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 1/2566