ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (1 ก.ย.) หลังจากการพุ่งขึ้นของอัตราว่างงานได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,837.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.80 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,515.77 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,031.81 จุด ลดลง 3.15 จุด หรือ -0.02%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.43%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.50% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.25%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ขณะที่การขยายตัวของค่าจ้างชะลอตัวลง
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อ และตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าได้บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 93% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานบวก 2.05% ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.01%
หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในดัชนี S&P500 ได้แก่หุ้นเทสลา อิงค์ ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายราว 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์ และราคาหุ้นร่วงลง 5% หลังปรับลดราคาขายรถไฟฟ้ารุ่นโมเดล S และโมเดล X ในสหรัฐ
หุ้นบรอดคอม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป ร่วงลง 5.5% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าคาด แต่หุ้นเดลล์ เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 21% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้และผลกำไรทั้งปี
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐค่อนข้างเบาบางราว 8.9 พันล้านหุ้นในวันศุกร์ เทียบกับปริมาณเฉลี่ย 1.04 หมื่นล้านหุ้นในช่วง 20 วันทำการที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์หน้า (4 ก.ย.) เนื่องในวันแรงงานซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ