ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (1 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ปรับตัวขึ้นด้วย หลังนักลงทุนสหรัฐเพิ่มการถือหุ้นในบริษัทจอห์นสัน แมทเธย์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,464.54 จุด เพิ่มขึ้น 25.41 จุด หรือ +0.34% และปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มพลังงาน เพิ่มขึ้น 1.8% เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว
หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 2.5% และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 7 เดือน หลังบริษัทด้านการลงทุนของสแตนดาร์ด อินดัสทรีส์ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมในนิวยอร์กนั้นได้ปรับเพิ่มการลงทุนในหุ้นจอห์นสัน แมทเธย์ ซึ่งทะยานขึ้น 9.8%
หุ้นเชลล์ ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังประกาศขายธุรกิจพลังงานตามบ้านในอังกฤษและเยอรมนีให้กับบริษัทออคโตพุส เอเนอร์จี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายพลังงานของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 1.7% และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีน และความพยายามที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า อัตราการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. และการขยายตัวของค่าแรงชะลอลง