ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (6 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นถ่วงตลาดหุ้นลงด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.30 จุด ลดลง 2.60 จุด หรือ -0.57%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,194.09 จุด ลดลง 60.63 จุด หรือ -0.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,741.37 จุด ลดลง 30.34 จุด หรือ -0.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,426.14 จุด ลดลง 11.79 จุด หรือ -0.16%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีร่วงลงมากเกินคาดในเดือนก.ค.
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงอ่อนแอต่อเนื่องจากเดือนส.ค. เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงท่ามกลางสัญญาณครั้งใหม่ที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนและยุโรป
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 2.65%
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 32% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 14 ก.ย. ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในเดือนนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปปรับตัวลง 1.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์, หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือนร่วงลง 2.2% และกลุ่มบริการด้านการเงินลดลง 1.0%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ร่วงลง 3.0% โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอชซึ่งเป็นบริษัทสินค้าหรูหราที่พึ่งพารายได้จากจีน ร่วงลง 3.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน