ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ (7 ก.ย.) โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลการค้าจากจีนและออสเตรเลีย
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,204.82 จุด ลดลง 36.20 จุด หรือ -0.11% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,274.91 จุด ลดลง 175.07 จุด หรือ -0.95% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,139.82 จุด ลดลง 18.26 จุด หรือ -0.58%
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนลดลง 8.8% แตะระดับ 2.849 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง และสร้างความท้าทายเพิ่มขึ้นให้กับเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกเดือนส.ค.ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 14.5% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าอาจลดลง 9.2%
ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 2.165 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 12.4% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 9%
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ (7 ก.ย.) ว่า ยอดเกินดุลการค้าของออสเตรเลียลดลงในเดือนก.ค. เนื่องจากการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทองคำ ถ่านหิน และแร่เหล็ก ปรับตัวลง ขณะที่การนำเข้าดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าของออสเตรเลียในเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และชะลอตัวลงจากระดับของเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ที่ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ส่วนยอดส่งออกโดยรวมในเดือนก.ค.ลดลง 2% ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวขึ้น 3%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ หลังนักลงทุนแห่เทขายหุ้นจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยังไม่ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย