ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (8 ก.ย.) แต่ลดลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่มุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด หรือ +0.22% แต่ยังคงลดลง 0.8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,240.77 จุด เพิ่มขึ้น 44.67 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,740.30 จุด เพิ่มขึ้น 21.64 จุด หรือ +0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,478.19 จุด เพิ่มขึ้น 36.47 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลง 7 วันติดต่อกัน แต่ยังคงติดลบในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นแอลวีเอ็มเอช เพิ่มขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 วัน และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือนบวก 1.1%
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการปรับตัวขึ้น 1.4% หลังร่วงลง 3 วันที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้ โดยการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกนาน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรปและจีนทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก
แม้ข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ แต่ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและความเห็นของผู้กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ทำให้ตลาดคาดว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมสัปดาห์นี้
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่ามีโอกาสราว 40% ที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในสัปดาห์หน้า เพิ่มขึ้นจากโอกาส 20% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
อยางไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปเผชิญกับแรงเทขายและร่วงลงกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวขึ้นมากที่สุด