หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า วิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng China Enterprises Index) ดิ่งลง 1.7% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้นจีน (CSI 300 Real Estate Index) ดิ่งลงกว่า 2%
บริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินหยวนและสกุลเงินดอลลาร์
ขณะที่บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเซินเจิ้นได้จับกุมตัวพนักงานหลายคนในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ เพื่อดำเนินคดีอาญา โดยคาดว่าคดีความดังกล่าวจะยิ่งสร้างความเสียหายต่อเอเวอร์แกรนด์ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากวิกฤตหนี้สิน
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนภาคส่วนดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
มูดี้ส์ คาดการณ์ว่า ยอดขายในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะลดลงราว 5% ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า และคาดว่าผลกระทบจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นและไม่เสมอภาคกัน