ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันอังคาร (19 ก.ย.) โดยการบวกขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุมของธนาคารกลางต่าง ๆ ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 456.52 จุด ลดลง 0.20 จุด หรือ -0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,282.12 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,664.48 จุด เพิ่มขึ้น 62.64 จุด หรือ +0.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,660.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด หรือ +0.10%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงต่อเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยหุ้นดอยซ์ โพสต์ของเยอรมนี ร่วงลง 6.5%
นักลงทุนซื้อขายหุ้นอย่างระมัดระวังก่อนรู้ผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ และของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE), ธนาคารกลางสวิส (SNB), ธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) และธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ในวันพฤหัสบดีนี้
ข้อมูลทางการบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภคของยูโรโซนลดลงมากกว่าคาดเล็กน้อยในเดือนส.ค. แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มากกว่า 2 เท่า
อีกปัจจัยที่ถ่วงตลาดได้แก่การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปีใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 12 ปีหลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปได้ระบุย้ำว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะหนึ่ง
หุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรป เพิ่มขึ้น 1.0% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 1% จากความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอุปทาน และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ดีดตัวขึ้น 1.0% หลังร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อวันจันทร์
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.6% โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และหุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลง 1.6% โดยหุ้นคิงฟิชเชอร์ ร่วง 12.2% หลังปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปี