ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ (20 ก.ย.) โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเมื่อวันอังคารที่ 19 ก.ย. และหลังจีนตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปี และ 5 ปี ขณะที่ นักวิเคราะห์จับตาการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,122.21 จุด ลดลง 120.38 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,862.36 จุด ลดลง 134.81 จุด หรือ -0.75% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,114.76 จุด ลดลง 10.20 จุด หรือ -0.33%
ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ในวันนี้ (20 ก.ย.)
อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 9.3048 แสนล้านเยน (6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากอุปสงค์สินค้าญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศที่อ่อนแอลง และการที่รัฐบาลจีนใช้มาตรการที่เข้มงวดด้านการค้า
ทั้งนี้ ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนส.ค.ลดลง 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.99 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 2 ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนส.ค.ร่วงลง 17.8% แตะระดับ 8.92 ล้านล้านเยน
ยอดส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังประเทศจีนลดลง 11% สู่ระดับ 1.44 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง 12.1% สู่ระดับ 1.93 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากับจีนมูลค่า 4.9309 แสนล้านเยน
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงในวันอังคาร (19 ก.ย.) ก่อนเฟดตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลง 0.31%
ดัชนี S&P500 ลดลง 0.22% ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 0.23%