ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกบ่งชี้ว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.67 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ -1.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,213.90 จุด ลดลง 116.89 จุด หรือ -1.59%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,571.86 จุด ลดลง 209.73 จุด หรือ -1.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.62 จุด ลดลง 53.03 จุด หรือ -0.69%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ขณะที่ธนาคารกลางสวีเดนและนอร์เวย์ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%
ด้านนายคลาส นอต กรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่ ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนลดลง 1.8 จุดในเดือนก.ย.จากระดับในเดือนส.ค.
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ร่วงลง 3.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวลง 2.6% เนื่องจากราคาโลหะปรับตัวลงหลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง 1.3% และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1.2%
ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรป (STOXX volatility index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี