ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทางในวันนี้ (22 ก.ย.) หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีไว้ที่ราวระดับ 0% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BOJ มีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลก
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,287.46 จุด ลดลง 283.57 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,868.68 เพิ่มขึ้น 213.27 จุด หรือ +1.21% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,108.45 จุด เพิ่มขึ้น 23.75 จุด หรือ +0.77%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลีย ขยับลง 1.08% โดยปรับตัวลงมากที่สุดในเอเชีย ขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 0.55% และดัชนี KOSDAQ ของเกาหลีใต้ลดลง 0.59%
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าทะยานขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังเปิดตลาดในแดนลบตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี และนักลงทุนวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐจะไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัญหาหนี้สาธารณะเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาคองเกรสเผชิญกับภาวะชะงักงันในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายที่จะทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานได้จนถึงช่วงงบประมาณหน้า โดยสภาคองเกรสมีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ในการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่าย
ดัชนี Nasdaq Composite นำตลาดปรับตัวลง 1.82% ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 1.08% และดัชนี S&P500 ลดลง 1.64%