ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียร่วงลงกว่า 200 จุด ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 66,009.15 ลบ 221.09 จุด หรือ 0.33%
ดัชนี Sensex พุ่งขึ้นในช่วงแรก หลังมีรายงานว่า เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เตรียมนำตราสารหนี้ของอินเดียเข้ารวมในการคำนวณดัชนีตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่
นายวี อนันต์ นาเกสวาราน ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดีย แสดงความยินดีต่อรายงานดังกล่าว "เรามีความยินดีในเรื่องดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของตลาดการเงินต่อแนวโน้มการขยายตัวของอินเดีย รวมทั้งนโยบายการคลังและเศรษฐกิจมหภาค" นายนาเกสวารานกล่าว
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติราว 2.2-3.0 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่อินเดีย ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าเงินรูปีและตลาดปริวรรตเงินตราของอินเดีย รวมทั้งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศปรับตัวลง
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนเปิดเผยในวันนี้ว่า ทางธนาคารจะนำตราสารหนี้ของอินเดียเข้ารวมในการคำนวณดัชนีตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ หรือ Government Bond Index-Emerging Markets (GBI-EM)
เจพีมอร์แกนระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลอินเดีย หรือ Indian Government Bonds (IGBs) จำนวน 23 ชุด ซึ่งมีวงเงินหน้าตั๋วรวม 3.3 แสนล้านดอลลาร์ ได้ถูกรวมอยู่ในดัชนีดังกล่าว หลังจากที่ถูกจัดชั้นเป็นตราสารหนี้ซึ่งนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงอย่างสมบูรณ์
"คาดว่าน้ำหนักตราสารหนี้ของอินเดียจะแตะเพดานสูงสุด 10% ของดัชนี GBI-EM Global Diversified และราว 8.7% ในดัชนี GBI-EM Global index" เจพีมอร์แกนระบุ
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนจะเริ่มนำตราสารหนี้ของอินเดียเข้ารวมในการคำนวณดัชนี GBI-EM ในวันที่ 28 มิ.ย.2567
อย่างไรก็ดี การนำตราสารหนี้ของอินเดียเข้ารวมในการคำนวณดัชนี GBI-EM ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรน้ำหนักสำหรับตราสารหนี้ของประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด จากการถูกปรับลดน้ำหนักตราสารหนี้ในการคำนวณดัชนีถึง 1.65% ขณะที่แอฟริกาใต้ โปแลนด์ สาธารณรัฐเชก และบราซิลถูกปรับลดน้ำหนักราว 1-1.36%