ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (25 ก.ย.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 450.44 จุด ลดลง 2.82% จุด หรือ -0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,123.88 จุด ลดลง 60.94 จุด หรือ -0.85%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,405.49 จุด ลดลง 151.80 จุด หรือ -0.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,623.99 จุด ลดลง 59.92 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มนันทนาการ รวมถึงกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและสินค้าในครัวเรือน ร่วงลงมากกว่า 2%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราของจีน อาทิ แอลวีเอ็มเอชและเคอริง ร่วง 2.6% และ 4.5% ตามลำดับ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง 0.8% เนื่องจากราคาโลหะอ่อนแอลงหลังจากปริมาณสต็อกเพิ่มขึ้น และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลกเป็นเวลานาน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 หลังจาก ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวในวันจันทร์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับสูงอาจช่วยลดเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2% โดยไม่ได้ส่งสัญญาณหรือปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง หลังความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงในเดือนก.ย. โดยลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
หุ้นเอ็นเทนซึ่งเป็นบริษัทพนันของอังกฤษ ร่วง 13.1% หลังเตือนเกี่ยวกับรายได้พนันออนไลน์ลดลง และหุ้นฟลัทเทอร์ เอนเทอร์เทนเมนต์ ร่วง 3.2%
แต่หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าปรับตัวขึ้น 1.3% สวนทางตลาด หลังเจฟเฟอรีส์ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ"