ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (27 ก.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปร่วงลงหลังจากโบรกเกอร์มีความเห็นเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันของเนเธอร์แลนด์ร่วงลงหลังการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจในเชิงลบ และหุ้นธนาคารยูบีเอสปรับตัวลงด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 446.91 จุด ลดลง 0.79 จุด หรือ -0.18% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,071.79 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,217.45 จุด ลดลง 38.42 จุด หรือ -0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,593.22 จุด ลดลง 32.50 จุด หรือ -0.43%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปร่วงลง 2% หลังเจฟเฟอรีส์ปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์หลายตัวของอังกฤษ โดยระบุว่าตลาดสำนักงานของอังกฤษอยู่ในภาวะซบเซา โดยมีพื้นที่สำนักงานว่างในย่านธุรกิจเวสต์เอ็น, ซิตี้ และคานารี วาร์ฟแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี
หุ้นแลนด์ ซีเคียวริตีส์, บริติช แลนด์ และเดอร์เวนต์ ลอนดอน ร่วง 3.4-4.3%
บรรยากาศการซื้อขายโดยรวมยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางรายใหญ่จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ขณะที่ภาวะอ่อนแอของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนกดดันตลาดด้วย
ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มติดลบรายไตรมาสเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค
หุ้นกลุ่มประกันของเนเธอร์แลนด์ร่วงลง หลังการตัดสินใจของศาลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การลงทุนอาจทำให้มีการฟ้องร้องเรียกเงินชดเชยจำนวนมาก
หุ้นเอ็นเอ็น กรุ๊ป ร่วง 18.8% และหุ้นเอเอสอาร์ ร่วงลง 14.2%
หุ้นยูบีเอสร่วงลงราว 3% หลังมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เพิ่มการตรวจสอบเกี่ยวกับความล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยการช่วยให้ลูกค้าชาวรัสเซียหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร
ตลาดหุ้นอิตาลีติดลบ 0.3% หลังรัฐมนตรีรายหนึ่งเปิดเผยว่า รัฐบาลจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอิตาลีลงเหลือ 0.8% ในปีนี้จากเดิมที่ระดับ 1%
หุ้น H&M พุ่งขึ้น 3.4% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาสสูงเกินคาดโดยได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุน