ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (29 ก.ย.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหรือชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนได้ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และนักลงทุนทำการปรับพอร์ตการลงทุนในการซื้อขายวันสุดท้ายของไตรมาส 3/2566
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,507.50 จุด ลดลง 158.84 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,288.05 จุด ลดลง 11.65 จุด หรือ -0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,219.32 จุด เพิ่มขึ้น 18.05 จุด หรือ +0.14%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.3%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.7% และดัชนี Nasdaq บวก 0.1%
ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ร่วงลงในเดือนก.ย.เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในปีนี้ และดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวลงในไตรมาส 3 เป็นรายไตรมาสครั้งแรกของปีนี้
ในเดือนก.ย. ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 3.5%, ดัชนี S&P500 ลดลง 4.9% และดัชนี Nasdaq ลดลง 5.8% ส่วนในไตรมาส 3 ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.6%, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.6% และดัชนี Nasdaq ลดลง 4.1%
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในช่วงแรกขานรับการเปิดเผยข้อมูล PCE พื้นฐานที่ต่ำลง แต่ตลาดก็พลิกลงสู่แดนลบในเวลาต่อมาจนกระทั่งปิดตลาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยลดลงจากระดับ 4.3% ในเดือนก.ค.
เอริก ฟรีดแมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของยูเอส แบงก์ แอสเซต แมเนจเมนต์กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวดีกว่าที่คาดไว้ แม้ยังคงบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในสภาคองเกรสของสหรัฐ โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐปฏิเสธร่างกฎหมายที่เสนอให้งบประมาณชั่วคราวแก่รัฐบาลสหรัฐ ซึ่งทำให้เกือบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐจะปิดทำการบางส่วนเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ส่งผลให้ตลาดปรับตัวผันผวนได้แก่การที่บรรดาเทรดเดอร์วิตกว่า กองทุนของเจพีมอร์แกนวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์จะปรับสถานะการลงทุนในวันศุกร์
ในบรรดาหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ของดัชนี S&P500 นั้น กลุ่มพลังงานร่วงลงราว 2% ในวันศุกร์ แต่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในไตรมาส 3 และกลุ่มการเงินลดลง 0.9%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 6.7% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 1/2567 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้