ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (4 ต.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยุโรปยังคงอยู่ที่ระดับสูงหลังแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 440.08 จุด ลดลง 0.62 จุด หรือ -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,996.73 จุด ลดลง 0.32 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,099.92 จุด เพิ่มขึ้น 14.71 จุด หรือ +0.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,412.45 จุด ลดลง 57.71 จุด หรือ -0.77%
ดัชนี STOXX 600 แตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบ 6 เดือน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.1% หนักสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 3 ดอลลาร์/บาร์เรลท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง 0.9% ตามราคาโลหะที่ลดลง
หุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลง 1.7% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเผชิญกับราคาที่สูงขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 0.38%
ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับแรงขาย เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐก็สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับสูง ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังการเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจหดตัวลงในไตรมาส 3/2566 ขณะที่อุปสงค์ลดลงในเดือนก.ย.ในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี เนื่องจากผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่าย
หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตบุหรี่ อาทิ อิมพีเรียล แบรนด์ และบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วง 2.8% และ 1.7% ตามลำดับ หลังรัฐบาลอังกฤษเสนอห้ามคนหนุ่มสาวจากการซื้อบุหรี่