ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด หลุดระดับ 33,000 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 21.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,895.89 จุด ลบ 223.68 จุด หรือ 0.68%
นอกจากนี้ ตลาดได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2566 โดยอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนพ.ย.หรือธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงิน 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%
วันจันทร์ที่ 9 ต.ค.จะเป็นวันหยุดราชการของสหรัฐ เนื่องในวันโคลัมบัส ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลจะปิดทำการ รวมทั้งโรงเรียนและธนาคารต่างๆ
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงเปิดทำการในวันจันทร์หน้า ขณะที่ตลาดพันธบัตรปิดทำการ