ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (6 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ตลาดหุ้นยุโรปยังติดลบในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปอีกนาน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 444.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.62 จุด หรือ +0.82% แต่ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,060.15 จุด เพิ่มขึ้น 61.90 จุด หรือ +0.88%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,229.77 จุด เพิ่มขึ้น 159.55 จุด หรือ +1.06% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,494.58 จุด เพิ่มขึ้น 43.04 จุด หรือ +0.58%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและยุโรปพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีโดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกนาน
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกซึ่งพุ่งขึ้น 2.3% หลังหุ้นซาแลนโด ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ของเยอรมนีพุ่งขึ้นมากกว่า 6% ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของผลประกอบการในไตรมาส 3
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้นเกือบ 2%
หุ้นเชลล์ พุ่งขึ้นราว 2% ขานรับคาดการณ์ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทน้ำมันยุโรปจะยังคงแข็งแกร่งก่อนการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3
หุ้นอวิว่า (Aviva) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากที่หนังสือพิมพ์ไทมส์ของอังกฤษรายงานเรื่องการเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่บริษัทจะถูกเทกโอเวอร์โดยผู้ซื้อจากต่างประเทศ
แต่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลง 1.8% โดยหุ้นเนสท์เล่ร่วงกว่า 2% ขณะที่หุ้นดานอน และยูนิลีเวอร์ ปรับตัวลง 1.2% และ 2.6% ตามลำดับ