ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (6 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนประเมินการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ย.ขณะที่การขยายตัวของค่าจ้างชะลอลง และอัตราว่างงานที่สูงกว่าคาดในรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้น จะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาดก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,407.58 จุด เพิ่มขึ้น 288.01 จุด หรือ +0.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,308.50 จุด เพิ่มขึ้น 50.31 จุด หรือ +1.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,431.34 จุด เพิ่มขึ้น 211.51 จุด หรือ +1.60%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.3%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.6%
ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. และดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้หลังจากลดลง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
ในบรรดาหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ของดัชนี S&P500 นั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศปรับตัวขึ้นมากที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร
ตลาดปรับตัวลงในช่วงแรกหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานซึ่งบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.ย. แต่ตลาดได้เริ่มดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดภาคเช้า
บรรดานักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี
ข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ว่า ค่าจ้างชะลอตัวลง ซึ่งอาจเป็นเพราะมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่จ่ายค่าจ้างลดลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ย.และในไตรมาส 3/2566
หุ้นเอ็กซอน โมบิลปรับตัวลง 1.7% สวนทางตลาด หลังแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เอ็กซอนมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อซื้อกิจการของไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอร์สเซส ขณะที่หุ้นไพโอเนียร์ พุ่งขึ้น 10.4%
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (6 ต.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนอัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลงสู่ระดับ 3.7%
สำหรับตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3% และเมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
บรรดานักลงทุนจะรอดูการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนด้วย โดยหุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า